วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เสี่ยงแค่ไหน หัวใจคุณ Know Your Risk


ในวันอาทิตย์สัปดาห์สุดท้ายของเดือน กันยายน องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็น "วันหัวใจโลก" ในปีนี้ตรงกับอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2551 มีคำขวัญว่า Know Your Risk หมายความว่า คุณทราบไหมว่า ตัวคุณเองมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณคนควรทราบ เพราะหากเราจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงมาก ย่อมหมายความว่าโอกาสที่เราจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Heart Attack) ในอนาคตก็มีมากตามไปด้วย ยิ่งจำเป็นต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้เกือบทั้งหมดสามารถแก้ไขให้ดีได้ด้วยตัวเอง และจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต



โรคหลอดเลือดหัวใจ และ ปัจจัยเกี่ยวข้อง

คำว่าโรคหัวใจมีความหมายกว้าง เพราะจะหมายถึงความผิดปกติของหัวใจที่อาจเกิดได้ทุกระบบ ตั้งแต่ เยื่อหุ้มหัวใจ ลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ ไฟฟ้าหัวใจ ไปจนหลอดเลือดหัวใจ ในบทความนี้จะเน้นเฉพาะโรคหัวใจที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบเท่านั้น

ทำไมหลอดเลือดหัวใจจึงตีบ
หลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเป็นหลอดเลือดแดง ผนังด้านในบุด้วยเซลชั้นเดียว เมื่อเกิดมาใหม่ๆ ผนังด้านในของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกายจะสะอาด เสมือนท่อน้ำประปาที่เพิ่งเริ่มใช้งาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เซลบุผิวเริ่มเสื่อมสภาพและมีไขมันโคเลสเตอรอลเข้าไปสะสมอยู่ในชั้นผนังด้านในของหลอดเลือดหัวใจ ในระยะแรกของการสะสม หลอดเลือดหัวใจจะมีการปรับตัวขยายใหญ่ขึ้นเพื่อให้เลือดยังคงไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดี แต่หากยังคงมีการสะสมของไขมันโคเลสเตอรอลมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเกิดการตีบของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่สะดวก เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการมักจะเจ็บแน่น จุก บริเวณหน้าอก หรือ ลิ้นปี่ อาจร้าวไปกราม ไหล่ แขนได้ มักจะเกิดขณะออกแรง เมื่อหยุดพักก็จะดีขึ้น แต่หากอาการรุนแรงมากอาจเกิดขึ้นขณะพักได้

กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือ Heart Attack เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจทันทีทันใดหรือภายในเวลาอันรวดเร็ว สิ่งที่อุดตันไม่ใช่ไขมันลอยไปอุด แต่เป็นลิ่มเลือดที่เป็นผลมาจากการแตกของตะกรันไขมันโคเลสเตอรอลที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันพบได้บ่อยในผู้ที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบไม่รุนแรง จึงไม่แปลกใจที่สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ไม่เคยมีอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจมาก่อน หรือแม้แต่ในผู้ที่มีผลการตรวจสุขภาพปกติก็ตาม กลไกการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) แตกต่างไปจากหลอดเลือดหัวใจที่ค่อยๆตีบ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เกิดจากไขมันโคเลสเตอรอลที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดหัวใจนั่นเอง ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก แม้จะมาถึงโรงพยาบาลแล้วก็ตาม ถึงจะรอดชีวิตแต่หากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นบริเวณกว้าง หัวใจจะบีบตัวได้ไม่ดีเช่นเคย และ เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ตามมาในอนาคต

ทำไมจึงมีไขมันโคเลสเตอรอลสะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดหัวใจ
ในวัยเด็กหลอดเลือดหัวใจจะสะอาดไม่มีไขมันสะสม แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน พบว่ามีไขมันไปสะสมอยู่ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุ บางคนเพิ่มเร็ว บางคนเพิ่มช้า ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการสะสมของไขมันในหลอดเลือดหัวใจเร็วขึ้น เรียกว่า ปัจจัยเสี่ยง ความจริงแล้วการสะสมดังกล่าวเกิดขึ้นกับหลอดเลือดแดงทั่วร่างกายไม่ใช่เฉพาะหลอดเลือดหัวใจเท่านั้น ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ มีดังนี้

อายุและเพศ หลอดเลือดแดงจะเกิดการเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มขึ้น ในเพศชายจะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเร็วกว่าเพศหญิงประมาณ 10 ปี เชื่อว่าเพราะเพศหญิงมีฮอร์โมนเอสโตรเจนช่วยป้องกัน แต่อย่างไรก็ตามในสตรีวัยทอง การได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทนกลับไม่ได้ลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจแต่ประการใด

พันธุกรรม ทุกโรคล้วนเกี่ยวข้องกับ “ยีน” ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม พันธุกรรมจึงตัวกำหนดที่สำคัญ ผู้ที่มีบิดา หรือ มารดา เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจก่อนวัยอันควร มีโอกาสที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบสูงกว่าคนทั่วไป ในผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูงมากจากความผิดปกติทางพันธุกรรม หากไม่รับการรักษาจะเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นส่วนใหญ่

การสูบบุหรี่ สารหลายชนิดจากบุหรี่เป็นตัวเร่งให้หลอดเลือดแดงทั่วร่างกายเกิดการเสื่อมสภาพ ไม่เฉพาะหลอดเลือดหัวใจ แต่ยังรวมถึงหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงขา สมอง หรือ อวัยวะเพศชาย ด้วย จึงก่อให้เกิดโรคจำนวนมาก เมื่อหลอดเลือดแดงเสื่อมก็จะเกิดการตีบตามมาในที่สุด

อ้วนลงพุง เป็นปัจจัยที่พบมากขึ้นเรื่อยๆทั่วโลก ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย อ้วนลงพุง เป็นบ่อเกิดของความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งเสริมให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตามมา

ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดแดงที่ต้องรับแรงกระแทกจากความดันโลหิตสูงจะเกิดการเสื่อมสภาพได้ง่าย และเกิดการสะสมของไขมันโคเลสเตอรอลในผนังด้านในของหลอดเลือดแดงมากขึ้น

เบาหวาน การที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย เกิดการเสื่อมได้เร็วมาก ทำให้เกิดหลอดเลือดแดงตีบทั่วไป ทั้งหัวใจ สมอง ไต หรือ ขา นอกจากนั้นเบาหวานยังทำให้ไขมันในเลือดผิดปกติตามมาด้วย จึงเร่งการสะสมของไขมันในหลอดเลือดแดง ผู้ป่วยเบาหวานในยุคปัจจุบันนี้ไม่ได้เสียชีวิตจากน้ำตาลอีกต่อไป แต่จะเสียชีวิตจากปัญหาโรคหลอดเลือดแดง เช่น โรคหัวใจ สมอง ไตวาย หรือ โรคติดเชื้อ

ไขมันในเลือดผิดปกติ ไขมันโคเลสเตอรอลสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมัน แอล ดี แอล โคเลสเตอรอลสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมากในการก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เพราะไขมันเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่ไปสะสมในผนังของหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดการตีบ และหากเกิดการแตกของตะกรันไขมัน ก็จะเกิดการอุดตันจากลิ่มเลือดทันทีทันใด ซึ่งอันตรายมาก ไขมัน เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล เป็นไขมันชนิดดี ทำหน้าที่ขนถ่ายไขมันที่สะสมอยู่ออกมาทำลาย ดังนั้น ไขมันชนิดนี้ ยิ่งสูงยิ่งเป็นผลดี ในทางตรงกันข้ามหากต่ำจะเป็นปัจจัยส่งเสริมการตีบของหลอดเลือดหัวใจ นอกจากไขมัน แอล ดี แอล โคเลสเตอรอลสูงแล้ว ในคนไทยยังพบว่า ไขมัน เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล ต่ำ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอีกประการหนึ่ง

ปัจจัยที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
ปัจจัยเสี่ยงหลายประการไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น อายุ เพศ พันธุกรรม แต่ปัจจัยเสี่ยงหลายข้อสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และ มีผลลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันลง ได้แก่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ออกกำลังกายมากขึ้น เช่น เดินมากขึ้น ทำงานบ้าน ฯลฯ การรับประทานผักผลไม้ ก็มีส่วนช่วยในการลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ แม้กระทั่งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณที่เหมาะสมก็ได้ประโยชน์ แต่เป็นสิ่งที่ไม่แนะนำเนื่องจากผลเสียด้านอื่นๆของแอลกอฮอล์ มีมากกว่าผลดีในการป้องกันโรคหัวใจ การหยุดบุหรี่แม้จะสูบมานานก็ช่วยลดปัญหาจากหลอดเลือดหัวใจเช่นกัน

ในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง การควบคุมความดันโลหิต และ น้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติที่สุด จะช่วยลดปัญหาจากภาวะหัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองแตก หลอดเลือดหัวใจตีบลงได้ สำหรับในเรื่องของไขมันในเลือดสูงนั้น เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีข้อมูลการศึกษามากที่สุด ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันว่า การลดระดับไขมันโคเลสเตอรอล รวม และ แอล ดี แอล ดคเลสเตอรอล นั้นได้ประโยชน์ในการป้องกันปัญหาจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ทั้งในผู้ที่ยังไม่เคยมีโรคหลอดเลือดหัวใจมาก่อน หรือ ในผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจเกิดขึ้นแล้ว ไขมัน แอล ดี แอล โคเลสเตอรอล ยิ่งต่ำยิ่งได้ประโยชน์ในการป้องกันผลแทรกซ้อนของโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกัน Heart Attack

จะเห็นได้ว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมีปัจจัยหลายประการเกี่ยวข้อง ทั้งปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น อายุ เพศพันธุกรรมไปจนถึงปัจจัยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ดังนั้นหลักการสำคัญในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ก็คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม ไม่อ้วน ไม่สูบบุหรี่ รับประทานผักผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันจากสัตว์ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากมีความดันโลหิตสูง น้ำตาลในในเลือดสูงหรือ ไขมันในเลือดสูงก็ควรควบคุมให้ปกติที่สุด และรับประทานยาต่อเนื่องหากจำเป็น


1 ความคิดเห็น:

Cardiologista กล่าวว่า...


แสดงบอลหัวใจรักโพสต์และทุกคนที่เกี่ยวข้องในจักรวาลที่สวยงามแห่งนี้